Corporate News
กรุงเทพฯ – บริษัท ลินเด้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในกลุ่มบริษัทลินเด้ ประเทศเยอรมันนี ประกาศทุ่มงบ 500 ล้านบาท (ประมาณ 12 ล้านยูโร) สร้างโรงผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหลวแห่งใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง
นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลินเด้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ เล็งเห็นปริมาณความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของลูกค้าของเราทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน กลุ่มเคมี กลุ่มงานโครงสร้างเหล็ก กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม จึงตัดสินใจลงทุนสร้างโรงผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหลวแห่งใหม่ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตรองรับการเติบโตของลูกค้า รวมทั้งรองรับในตลาดส่งออกอีกด้วย
โรงผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหลวแห่งใหม่นี้ ซึ่งจะมีกำลังการผลิตกว่า 300 ตันต่อวัน มีกำหนด เดินเครื่องประมาณต้นปี 2557 และเมื่อเริ่มดำเนินการแล้วจะทำให้กำลังการผลิตรวมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหลวของบริษัท สูงถึง 1,200 ตันต่อวัน ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หลักของกลุ่มบริษัทลินเด้ในภูมิภาคนี้ เพื่อสามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและในอนาคตที่จะขยายสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อีกด้วย”
มร. เบิร์น ออยริซ ประธานกลุ่มธุรกิจลินเด้ ประจำภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทลินเด้ได้เล็งเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อมั่นในโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดสำคัญของเรา แม้ในขณะที่สภาวะโครงสร้างเศรษฐกิจมหภาคของโลกจะมีความผันผวน
โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา ลินเด้ ประเทศไทย ลงทุนสร้างโรงแยกอากาศแห่งใหม่ มูลค่า 3,500 ล้านบาท ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) จังหวัดระยอง โดยจะเป็นโรงแยกอากาศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีกำลังการผลิตก๊าซเหลว 800 ตันต่อวัน การลงทุนของลินเด้ ประเทศไทยครั้งนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นและความต่อเนื่องของเราที่จะสร้างโอกาสทางการตลาดในระยะยาว”
ลินเด้ ประเทศไทย หรือชื่อเดิม ไทยอินดัสเตรียล แก๊ส (ทีไอจี) เป็นผู้ผลิตก๊าซชั้นนำของไทย มีผลิตภัณฑ์ก๊าซที่หลากหลายเพื่อการใช้งานด้านอุตสาหกรรม การแพทย์ และก๊าซพิเศษต่างๆ รวมถึงมีเครือข่ายจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ผสมผสานความรู้ความชำนาญ ทรัพยากรด้านต่างๆ และการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ ของไทย